{[['
']]}
']]}
นายนิธิพัทธ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายบริหารการตลาด บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด เปิดเผยกับ"ฐานเศรษฐกิจ"ว่าตลาดโน้ตบุ๊กไตรมาสแรกที่ผ่านมาไม่เติบโตขึ้น และคาดว่าแนวโน้มตลาดโน้ตบุ๊กโดยรวมทั้งปีจะไม่มีการเติบโตขึ้น โดยคาดว่าตัวเลขซื้อขายจะอยู่ราว 2 ล้านเครื่อง ขณะที่ปีที่ผ่านมาตลาดชะลอตัวลดลงประมาณ 7% ทั้งนี้เป็นผลมาจากกระแสการความต้องการแท็บเลตและสมาร์ทโฟนในตลาด โดยคาดว่าตลาดสมาร์ทโฟน จะมียอดซื้อขาย 7.8 ล้านเครื่อง เติบโต 30% ขณะที่แท็บเลตจะมีตัวเลขซื้อขาย 3-3.5 ล้านเครื่อง เติบโตมากกว่า 50% ส่วนเน็ตบุ๊กนั้นตลาดตายลงไป
จากแนวโน้มดังกล่าวทำให้ผู้ผลิตโน้ตบุ๊ก ต้องหาพื้นที่ยืนในตลาด เนื่องจากที่ผ่านมามีจุดขายเพียงมิติเดียวคือบางเบา โดยจุดขายใกล้เคียงกับแท็บเลต แต่แท็บเลตราคาถูกกว่า ขณะที่ในตลาดแท็บเลตที่มีการขายจำนวนมากๆ นั้นมีแบรนด์ที่แข็งแกร่งเพียงไม่กี่แบรนด์ ซึ่งแบรนด์ไอทีต้องหาเซ็กเมนต์ใหม่เพื่อให้มีพื้นที่ยืนในตลาด ซึ่งจุดแข็งของผู้ผลิตโน้ตบุ๊ก การวิจัย และพัฒนาดีไซน์ออกแบบโน้ตบุ๊ก ให้มีรูปแบบการใช้งานเป็นแท็บเลต หรือ ไฮบริด ทั้งสไลด์ หรือ หมุนพับ รวมถึงดีไซน์ชิ้นส่วนประกอบฝาพับให้รองรับกับการใช้งานทัชสกีน โดยสิ่งเหล่านี้จะเป็นแวลู ที่ทำให้ผู้บริโภคยอมจ่ายเงินเพิ่มเพื่อซื้อโน้ตบุ๊ก ไฮบริด
นายนิธิพัทธ์ กล่าวต่ออีกว่าขณะนี้ผู้ผลิตโน้ตบุ๊ก กำลังผลักดันให้ต้นทุนของโน้ตบุ๊กแบบไฮบริด ให้ต่ำลง โดยปัจจุบันโน้ตบุ๊กไฮบริด มีช่องว่างห่างจากโน้ตบุ๊กทั่วไป ประมาณ 3-4 พันบาท คาดการณ์ว่าประมาณปลายไตรมาส 2 ช่องว่างจะถูกบีบเหลือ 2 พันบาท โดยคาดว่าราคาต่ำสุดน่าจะอยู่ราว 1.5-1.9 หมื่นบาท ซึ่งจะช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น
ทั้งนี้คาดว่าภายหลังจากมีการปรับช่องว่างราคาลงมา จะช่วยผลักดันให้โน้ตบุ๊กแบบไฮบริดปีนี้มีสัดส่วน 15% ของตลาดโน้ตบุ๊กโดยรวม 2 ล้านเครื่อง และจะเติบโตเพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วน 50% ของตลาดโน้ตบุ๊กโดยรวมในปี 2557
ด้านนายจีรวุฒิ วงศ์วิมลพร กรรมการผู้จัดการ บริษัทเลอโนโว (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลาดโน้ตบุ๊กไตรมาสแรก ที่ผ่านมาไม่เติบโตตามคาดการณ์ ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าผู้ผลิตจะพยายามลดราคาสินค้าโน้ตบุ๊ก ที่เป็นไฮบริด และอัลตร้าบุ๊กลงมาในระดับสินค้าเมนสตรีม โดยโน้ตบุ๊กแบบไฮบริดจะเป็นตลาดกลุ่มใหม่ที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง ที่คาดว่าจะมีสัดส่วนตลาดประมาณ 15% ของตลาดโน้ตบุ๊กรวมปีนี้
"ปีนี้ตลาดคอมพิวเตอร์พกพา จะแบ่งเป็น 5 กลุ่ม โดย 1.เน็ตบุ๊ก จอใหญ่ขนาด 13-14 นิ้ว ราคาต่ำกว่าหมื่นบาท ส่วนเน็ตบุ๊ก จอ 9-10 นิ้ว จะหายไปจากตลาด , 2.โน้ตบุ๊กแบบเก่า ราคา 1-1.5 หมื่นบาท ,3.โน้ตบุ๊กแบบทัชสกีน ราคา 1.5-1.9 หมื่นบาท , 4.อัลตร้าบุ๊ก โน้ตบุ๊กบางเบา ราคาประมาณ 2 หมื่นบาท และ โน้ตบุ๊กไฮบริด ซึ่งกลยุทธ์การแข่งขันของเลอโนโว พยายามหาโปรดักต์ใหม่เข้ามาเสริมการทำตลาด และขยายช่องทางจำหน่ายไปยังช่องทางร้านขายมือถือมากขึ้น"
ส่วนนายพรเทพ วัชรอำนวย กรรมการผู้จัดการ บริษัทเอซุสเทค คอมพิวเตอร์ (ประเทศไทย)จำกัด กล่าวว่าตลาดโน้ตบุ๊ก ไตรมาสแรกยังชะลอตัวอยู่ ซึ่งการปรับตัวของบริษัทคือมุ่งเน้นตลาดแท็บเลตมากขึ้น ส่วนไฮบริดโน้ตบุ๊ก นั้นขณะนี้ยังไม่มีนโยบายลดราคาลงมา อย่างไรก็ตามถ้ามีความต้องการจำนวนมากเป็นไปได้ว่าที่ราคาจะลดลง
จากแนวโน้มดังกล่าวทำให้ผู้ผลิตโน้ตบุ๊ก ต้องหาพื้นที่ยืนในตลาด เนื่องจากที่ผ่านมามีจุดขายเพียงมิติเดียวคือบางเบา โดยจุดขายใกล้เคียงกับแท็บเลต แต่แท็บเลตราคาถูกกว่า ขณะที่ในตลาดแท็บเลตที่มีการขายจำนวนมากๆ นั้นมีแบรนด์ที่แข็งแกร่งเพียงไม่กี่แบรนด์ ซึ่งแบรนด์ไอทีต้องหาเซ็กเมนต์ใหม่เพื่อให้มีพื้นที่ยืนในตลาด ซึ่งจุดแข็งของผู้ผลิตโน้ตบุ๊ก การวิจัย และพัฒนาดีไซน์ออกแบบโน้ตบุ๊ก ให้มีรูปแบบการใช้งานเป็นแท็บเลต หรือ ไฮบริด ทั้งสไลด์ หรือ หมุนพับ รวมถึงดีไซน์ชิ้นส่วนประกอบฝาพับให้รองรับกับการใช้งานทัชสกีน โดยสิ่งเหล่านี้จะเป็นแวลู ที่ทำให้ผู้บริโภคยอมจ่ายเงินเพิ่มเพื่อซื้อโน้ตบุ๊ก ไฮบริด
นายนิธิพัทธ์ กล่าวต่ออีกว่าขณะนี้ผู้ผลิตโน้ตบุ๊ก กำลังผลักดันให้ต้นทุนของโน้ตบุ๊กแบบไฮบริด ให้ต่ำลง โดยปัจจุบันโน้ตบุ๊กไฮบริด มีช่องว่างห่างจากโน้ตบุ๊กทั่วไป ประมาณ 3-4 พันบาท คาดการณ์ว่าประมาณปลายไตรมาส 2 ช่องว่างจะถูกบีบเหลือ 2 พันบาท โดยคาดว่าราคาต่ำสุดน่าจะอยู่ราว 1.5-1.9 หมื่นบาท ซึ่งจะช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น
ทั้งนี้คาดว่าภายหลังจากมีการปรับช่องว่างราคาลงมา จะช่วยผลักดันให้โน้ตบุ๊กแบบไฮบริดปีนี้มีสัดส่วน 15% ของตลาดโน้ตบุ๊กโดยรวม 2 ล้านเครื่อง และจะเติบโตเพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วน 50% ของตลาดโน้ตบุ๊กโดยรวมในปี 2557
ด้านนายจีรวุฒิ วงศ์วิมลพร กรรมการผู้จัดการ บริษัทเลอโนโว (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลาดโน้ตบุ๊กไตรมาสแรก ที่ผ่านมาไม่เติบโตตามคาดการณ์ ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าผู้ผลิตจะพยายามลดราคาสินค้าโน้ตบุ๊ก ที่เป็นไฮบริด และอัลตร้าบุ๊กลงมาในระดับสินค้าเมนสตรีม โดยโน้ตบุ๊กแบบไฮบริดจะเป็นตลาดกลุ่มใหม่ที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง ที่คาดว่าจะมีสัดส่วนตลาดประมาณ 15% ของตลาดโน้ตบุ๊กรวมปีนี้
"ปีนี้ตลาดคอมพิวเตอร์พกพา จะแบ่งเป็น 5 กลุ่ม โดย 1.เน็ตบุ๊ก จอใหญ่ขนาด 13-14 นิ้ว ราคาต่ำกว่าหมื่นบาท ส่วนเน็ตบุ๊ก จอ 9-10 นิ้ว จะหายไปจากตลาด , 2.โน้ตบุ๊กแบบเก่า ราคา 1-1.5 หมื่นบาท ,3.โน้ตบุ๊กแบบทัชสกีน ราคา 1.5-1.9 หมื่นบาท , 4.อัลตร้าบุ๊ก โน้ตบุ๊กบางเบา ราคาประมาณ 2 หมื่นบาท และ โน้ตบุ๊กไฮบริด ซึ่งกลยุทธ์การแข่งขันของเลอโนโว พยายามหาโปรดักต์ใหม่เข้ามาเสริมการทำตลาด และขยายช่องทางจำหน่ายไปยังช่องทางร้านขายมือถือมากขึ้น"
ส่วนนายพรเทพ วัชรอำนวย กรรมการผู้จัดการ บริษัทเอซุสเทค คอมพิวเตอร์ (ประเทศไทย)จำกัด กล่าวว่าตลาดโน้ตบุ๊ก ไตรมาสแรกยังชะลอตัวอยู่ ซึ่งการปรับตัวของบริษัทคือมุ่งเน้นตลาดแท็บเลตมากขึ้น ส่วนไฮบริดโน้ตบุ๊ก นั้นขณะนี้ยังไม่มีนโยบายลดราคาลงมา อย่างไรก็ตามถ้ามีความต้องการจำนวนมากเป็นไปได้ว่าที่ราคาจะลดลง
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 33 ฉบับที่ 2,834 วันที่ 11 - 13 เมษายน พ.ศ. 2556
ที่มาhttp://www.thanonline.com/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น