mas template

จับตา พ.ร.บ.คอมพ์ฉบับใหม่ เส้นคั่นระหว่าง "เสรีภาพและความมั่นคง"

{[['']]}


ปี 2550 ไทยได้ประกาศใช้ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ เพื่อหวังจะนำมาใช้ปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์ให้ได้ แต่ 6 ปีที่ผ่านมากฎหมายฉบับนี้ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์มาตลอด ซึ่งกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กำลังผลักดันให้มีการยกร่าง พ.ร.บ.คอมพ์ฉบับใหม่ขึ้นมา โดย "น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ" รัฐมนตรีไอซีที ให้เหตุผลว่า เพื่อให้ครอบคลุมรูปแบบการกระทำผิดจากเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่กฎหมายเดิมไม่ครอบคลุม และสร้างสมดุลระหว่างสิทธิ์ในการแสดงความเห็น และสิทธิ์ความเป็นส่วนตัว
"ปัญหาอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ถือเป็นวาระแห่งชาติที่ควรได้รับการกำหนดเป็นยุทธศาสตร์อย่างจริงจัง" รัฐมนตรีไอซีทีย้ำ โดยกระทรวงไอซีทีมอบหมายให้สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) หรือ สพธอ. ยกร่างกฎหมายและนำไปประชาพิจารณ์แล้วหลายครั้ง ขณะนี้อยู่ระหว่างแก้ไขปรับปรุง คาดว่าจะนำเสนอเข้าที่ประชุม ครม. เพื่อพิจารณาก่อนสิ้นปีนี้ 

สำหรับผู้สันทัดกรณีทั้งในแง่มุมกฎหมาย และวงการไอทีมองว่า ร่างกฎหมายใหม่ดูเหมือนจะสร้างปัญหามากกว่าเก่า 

"ไพบูลย์ อมรภิญโญเกียรติ" ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายคอมพิวเตอร์ และมีส่วนร่วมในการยกร่าง พ.ร.บ.คอมพ์ฉบับแรก กล่าวว่า ร่างใหม่มีประเด็นที่ควรกังวลหลายข้อ อาทิ การกำหนดความผิดจาก "การเข้าถึงโดยมิชอบ" เดิมเข้าข่ายความผิดเฉพาะกรณีที่มีการเข้ารหัสในระบบ แต่ร่างฉบับใหม่ต่อให้ไม่มีการเข้ารหัสใครเข้าไปก็ผิดแล้ว ซึ่งทำให้เกิดปัญหากับการใช้งานประเภทเสิร์ชเอ็นจิ้น อาทิ กูเกิล หรือแม้แต่การเข้าไปในเฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์ 

"เวลาเราจะเข้าไปค้นหาเพื่อน เราต้องเสิร์ชและเข้าไปดูระบบของคนอื่นเพื่อดูว่าใช่เพื่อนเราหรือไม่ ถ้ากฎหมายใหม่เขียนไว้แบบนี้ทุกคนผิดหมด"

หรือการป้องกันเนื้อหาประเภทลามกอนาจาร ในร่างฉบับใหม่ใช้คำว่า "ครอบครอง" จึงครอบคลุมมากเกินไป ต่อไปถ้ามีการใช้แอปพลิเคชั่น "Line" ส่งภาพหรือข้อความที่เข้าข่ายลามกอนาจาร แค่กดรับไว้อ่านก็ผิดแล้ว มีโทษจำคุก 6 ปี เพราะคำว่าครอบครองครอบคลุมถึงการแคช การดิสเพลย์ การประมวลผล และทำให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) หรือโมบายโอเปอเรเตอร์เข้าข่ายความผิดเพราะถือว่าครอบครองด้วยเหมือนกัน เพราะต้องแคชข้อมูลก่อนส่งให้ลูกค้าปลายทาง

นอกจากนี้ "การทำสำเนา" ธรรมชาติของอินเทอร์เน็ตก่อนส่งข้อมูลไปปลายทางต้องมีการทำสำเนาเก็บไว้ในเครื่อง และส่งต่อโดยผ่านเครือข่ายของ ISP ของผู้ส่งและผู้รับจึงมีผู้ต้องทำสำเนาข้อมูลไว้ 4 จุด ข้อมูลที่วิ่งอยู่ในท่อไม่มีทางรู้ว่าถูกหรือผิดกฎหมาย และจะมีการทำสำเนาไว้ตามทาง ถ้าเขียนกฎหมายไว้ให้การทำสำเนาผิดด้วยจะมีจำเลยเป็นสิบล้านคน

ขณะที่ปัญหาการปิดเว็บไซต์ ทางกระทรวงไอซีทีอ้างว่าจำนวนเว็บไซต์ผิดกฎหมายมีมาก ไม่สามารถรอให้รัฐมนตรีไอซีทีลงนามสั่งปิดก่อนเข้ากระบวนการศาลได้จึงให้อำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่กระทรวงไอซีทีสั่งปิด และส่งให้ศาลออกคำสั่งปิดได้เลย ซึ่งอันตรายมาก หากปิดผิดเว็บไซต์ พนักงานเจ้าหน้าที่ก็ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย ทำให้ผู้ที่ได้ผลเสียหายฟ้องร้องเอาผิดพนักงานเจ้าหน้าที่ลำบาก เมื่อเป็นกระบวนการทางกฎหมายที่ลิดรอนสิทธิเสรีภาพควรมีกระบวนการที่รอบคอบ กลั่นกรองถึง 3 ขั้นตอนตามกฎหมายเดิมจะดีกว่า

"ปรเมศวร์ มินศิริ" ผู้บริหารเว็บไซต์กระปุกดอทคอม กล่าวว่า พ.ร.บ.คอมพ์ใหม่ เปิดให้ผู้ใช้กฎหมายมีสิทธิ์ตรวจสอบข้อมูลเต็มที่ เพื่อให้เกิดความมั่นคงของประเทศชาติให้มากที่สุด ซึ่ง พ.ร.บ.ฉบับที่ใช้อยู่เคยเกิดปัญหาเรื่องการนำมาตรา 14 (2) เกี่ยวกับการนำเข้าข้อมูลที่เป็นเท็จ และส่งผลถึงความปลอดภัยของประเทศมาใช้ โดยเมื่อ 3 ปีก่อนมีบุคคลที่โดนฟ้องเพียงแค่เขียนข้อความลงบนเว็บไซต์เท่านั้น

ดังนั้น หากต้องการออก พ.ร.บ.ใหม่ เพื่อแก้ไขปัญหากฎหมายเดิมถือว่าแก้ไขไม่ตรงจุด และควรนำไปปรับแก้ใหม่ก่อนที่จะประกาศใช้ เพื่อมอบความเป็นธรรมในการใช้งานแก่ผู้บริโภค ไม่มอบอำนาจให้ฝ่ายกฎหมายมากเกินไป

ขณะที่ "สมชาย หอมลออ" นักกฎหมายสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า พ.ร.บ.คอมพ์ฉบับใหม่มีความไม่ชอบธรรมอยู่มาก โดยเฉพาะเรื่องหลักสิทธิมนุษยชน ทุกคนมีสิทธิ์คิดหรือทำอะไรก็ตาม แต่ต้องอยู่ในกรอบที่ร่วมกันตั้งไว้ ไม่ให้เลยเถิดเกินไป ดังนั้น การเข้ามาจำกัดสิทธิมนุษยชนจำเป็นต้องดึงเอาหลักสิทธิเสรีภาพมาคำนวณด้วย แต่ทั้งนี้ตัวกรอบนั้นต้องจำกัดแค่เรื่องที่จำเป็น 

เมื่อย้อนกลับไปเมื่อ 10 กว่าปีก่อน ณ จุดเริ่มต้นการยกร่าง พ.ร.บ.คอมพ์ฉบับแรกของประเทศ มีกฎหมายอีกฉบับที่มีการยกร่างมาคู่กันนั่นคือ "ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล" แต่ไม่เคยเสร็จสมบูรณ์ได้ออกมาเป็นกฎหมาย ด้วยเหตุผลมากมาย

"สุรางคณา วายุภาพ" ผู้อำนวยการ สพธอ. กล่าวถึงความคืบหน้าของร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวอยู่ที่สภาและคงใช้เวลาอีก 3 ปีกว่าจะออกมา เนื่องจากต้องเข้าสภาและผ่านวุฒิสภาอีกอาจใช้เวลาพอ กับการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.คอมพ์ฉบับใหม่ ก่อนประกาศใช้เป็นกฎหมายได้

"ปัญหาการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในไทยเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง หากไม่มีโนว์ฮาวในการแก้ปัญหาก็ทำอะไรไม่ได้ ปลายปีนี้ สพธอ. อาจเข้าไปมีส่วนร่วมกับร่าง พ.ร.บ.นี้ และจะผลักดันให้เป็นนโยบายรัฐบาล"

"อาทิตย์ สุริยะวงศ์กุล" ผู้ประสานงานเครือข่ายพลเมืองเน็ต กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เป็นกฎหมายอีกฉบับที่ยังมีปัญหา เพราะในรายละเอียดจะมอบอำนาจให้ฝ่ายรัฐมากเกินไป เพราะในอดีตข้อมูลของประชาชนจะอยู่ในมือรัฐเป็นหลัก เช่น ทะเบียนบ้าน และเลขบัตรประชาชน แต่ปัจจุบันข้อมูลอื่น ๆ เริ่มไปอยู่ในมือเอกชนมากขึ้น ภาครัฐจึงต้องการนำข้อมูลทั้งหมดมาอยู่ในมือ โดยเข้าไปเอาข้อมูลจากเอกชนผ่านการใช้ พ.ร.บ.ฉบับนี้ ซึ่งไม่เป็นธรรมต่อประชาชน

ในฐานะประชาชนผู้เป็นเจ้าของข้อมูล และผู้ใช้อินเทอร์เน็ต มิอาจมองข้ามได้ เพราะได้รับผลกระทบโดยตรง ขณะที่ภาครัฐโดยกระทรวงไอซีทีเองก็ควรมีการสื่อสารและเผยแพร่ข้อมูลความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องและกว้างขวาง เนื่องจากกระทบคนส่วนใหญ่



ที่มา http://www.prachachat.net
Share to friend :

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

 
Support : Creating Website | Johny Template | Mas Template
Copyright © 2013. KIP Thai - All Rights Reserved
Template Created by Creating Website Published by Mas Template
Proudly powered by Blogger