{[['
']]}

วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีก้าวไกล นำชาวไทยก้าวหน้า พาชาติไทยเจริญรุ่งเรือง
นายพินิจ จารุสมบัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นประธานในพิธี งานวันที่ระลึกคล้ายวันสถาปนากระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีประจำปี พ.ศ. 2546
ในวันจันทร์ ที่ 24 มีนาคม 2546 ณ ห้องประชุมชั้น อาคารกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ สภานิติบัญญัติได้มีมติรับหลักการและประกาศให้มีการจัดตั้งกระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและการพลังงาน
ในราชกิจจานุเบกษาฉบับพิเศษ เล่มที่ 96 ตอนที่ 40 มีผลใช้เมื่อ 24 มีนาคม 2522 เป็นต้นมา
ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นกระทรวงวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2535 และปัจจุบันตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง
ทบวง กรม พ.ศ. 2545 มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2545 เปลี่ยนชื่อเป็นกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
มีสถานที่ตั้งอยู่ที่ถนนพระราม 6 เขตราชเทวี กทม. 10400 (ตรงข้ามโรงพยาบาลรามาธิบดี)
นายสันทัด สมชีวิตา ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์ กล่าวรายงานว่า ณ ปัจจุบันกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีบทบาทเด่นชัดขึ้นในการผลักดันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ให้เป็นปัจจัยในการพัฒนาประเทศ โดยเป็นหน่วยงานหลักในการประสานเชื่อมโยง สร้างเครือข่าย
มุ่งเน้นการดำเนินงานให้เกิดผลสัมฤทธ
ิ์ ก่อให้เกิดผลสำเร็จ ทั้งในด้านนโยบาย ด้านการบริหารจัดการและด้านการปฏิบัติ อาทิเช่น
การเสริมสร้างสมรรถนะการวิจัยและพัฒนา การส่งเสริมสนับสนุนการถ่ายทอดเทคโนโลยี
เช่นการจัดทำโครงการคลินิกเทคโนโลยี การพัฒนา
โครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนากำลังคน นายพินิจ กล่าวว่า กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
มีบทบาทสำคัญยิ่งในการพัฒนาประเทศ
ซึ่งขณะนี้มีบุคลากรของกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ที่มีความรู้ความสามารถจำนวนมาก
เพียงแต่ยังไม่ได้จัดระบบให้คนเก่งๆเหล่านี้มีบทบาทที่เด่นชัด
ดังนั้นจะต้องมีการสร้างเวทีให้นักวิชาการมีบทบาทมากขึ้น
จะสร้างคุณูประการให้ประเทศเป็นอย่างมากเช่นอันดับแรกในเรื่องของ
เทคโนโลยีชีวภาพ เทคโนโลยีไมโครชิพ ไอที เทคโนโลยียานยนต์
ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้จะเน้นการแก้ปัญหาหลักของประเทศ
ส่วนงานในส่วนอื่นๆ ก็ต้องเร่งรัดให้รุดหน้าเช่นเดียวกัน
โดยเฉพาะในเรื่องของการทำความเข้าใจในเรื่องของวิทยาศาสตร
์และเทคโนโลยีสู่สังคมทุกระดับ เพราะปัจจุบันยังมีช่องว่างในความรู้
ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอยู่มาก
ผู้คนในสังคมควรจะได้รับความรู้ว่าวิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยีคืออะไร มีประโยชน์ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่
อย่างไรมีความเข้าในในวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้มากขึ้น
ยิ่งสังคมพัฒนาไปมากขึ้นเท่าไรต้องรู้เท่าทันเทคโนโลยีให้มากเท่านั้น
เพื่อจะได้มีชัยชนะต่อการแก้ปัญหาของประเทศ..../
นายพินิจ จารุสมบัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นประธานในพิธี งานวันที่ระลึกคล้ายวันสถาปนากระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีประจำปี พ.ศ. 2546
ในวันจันทร์ ที่ 24 มีนาคม 2546 ณ ห้องประชุมชั้น อาคารกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ สภานิติบัญญัติได้มีมติรับหลักการและประกาศให้มีการจัดตั้งกระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและการพลังงาน
ในราชกิจจานุเบกษาฉบับพิเศษ เล่มที่ 96 ตอนที่ 40 มีผลใช้เมื่อ 24 มีนาคม 2522 เป็นต้นมา
ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นกระทรวงวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2535 และปัจจุบันตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง
ทบวง กรม พ.ศ. 2545 มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2545 เปลี่ยนชื่อเป็นกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
มีสถานที่ตั้งอยู่ที่ถนนพระราม 6 เขตราชเทวี กทม. 10400 (ตรงข้ามโรงพยาบาลรามาธิบดี)
นายสันทัด สมชีวิตา ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์ กล่าวรายงานว่า ณ ปัจจุบันกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีบทบาทเด่นชัดขึ้นในการผลักดันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ให้เป็นปัจจัยในการพัฒนาประเทศ โดยเป็นหน่วยงานหลักในการประสานเชื่อมโยง สร้างเครือข่าย
มุ่งเน้นการดำเนินงานให้เกิดผลสัมฤทธ
ิ์ ก่อให้เกิดผลสำเร็จ ทั้งในด้านนโยบาย ด้านการบริหารจัดการและด้านการปฏิบัติ อาทิเช่น
การเสริมสร้างสมรรถนะการวิจัยและพัฒนา การส่งเสริมสนับสนุนการถ่ายทอดเทคโนโลยี
เช่นการจัดทำโครงการคลินิกเทคโนโลยี การพัฒนา
โครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนากำลังคน นายพินิจ กล่าวว่า กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
มีบทบาทสำคัญยิ่งในการพัฒนาประเทศ
ซึ่งขณะนี้มีบุคลากรของกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ที่มีความรู้ความสามารถจำนวนมาก
เพียงแต่ยังไม่ได้จัดระบบให้คนเก่งๆเหล่านี้มีบทบาทที่เด่นชัด
ดังนั้นจะต้องมีการสร้างเวทีให้นักวิชาการมีบทบาทมากขึ้น
จะสร้างคุณูประการให้ประเทศเป็นอย่างมากเช่นอันดับแรกในเรื่องของ
เทคโนโลยีชีวภาพ เทคโนโลยีไมโครชิพ ไอที เทคโนโลยียานยนต์
ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้จะเน้นการแก้ปัญหาหลักของประเทศ
ส่วนงานในส่วนอื่นๆ ก็ต้องเร่งรัดให้รุดหน้าเช่นเดียวกัน
โดยเฉพาะในเรื่องของการทำความเข้าใจในเรื่องของวิทยาศาสตร
์และเทคโนโลยีสู่สังคมทุกระดับ เพราะปัจจุบันยังมีช่องว่างในความรู้
ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอยู่มาก
ผู้คนในสังคมควรจะได้รับความรู้ว่าวิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยีคืออะไร มีประโยชน์ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่
อย่างไรมีความเข้าในในวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้มากขึ้น
ยิ่งสังคมพัฒนาไปมากขึ้นเท่าไรต้องรู้เท่าทันเทคโนโลยีให้มากเท่านั้น
เพื่อจะได้มีชัยชนะต่อการแก้ปัญหาของประเทศ..../
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น